ลักษณะคำประพันธ์
คำอธิบาย
รูปแบบฉันทลักษณ์
กาพย์ยานี ๑ บทมี
๒ บาท คือ
บาทเอก และ บาทโท
๑
บาท มี ๒
วรรค คือ
วรรคหน้า มี ๕ คำ
วรรคหลังมี ๖ คำ
คล้องจองหรือสัมผัส
๑. คำสุดท้ายของวรรคแรกบาทเอกสัมผัสกับคำที่
๓ วรรคหลัง
ของบาทเดียวกัน
๒. คำสุดท้ายของบาทเอกสัมผัสกับคำสุดท้ายวรรคแรกบาทโท
๓. คำสุดท้ายบทแรกสัมผัสกับคำสุดท้ายบาทเอกของบทต่อไป
สัมผัสพิเศษ
๑. อาจเพิ่มสัมผัสนอกระหว่างคำสุดท้ายวรรคแรกบาทโทกับคำ
ที่สามวรรคหลังของบทเดียวกัน
๒. อาจเพิ่มสัมผัสอักษรหรือสัมผัสสระภายในวรรคทุกวรรค
๓. คำสุดท้ายของบาทเอกควรเป็นคำที่เสียงวรรณยุกต์สามัญหรือจัตวาและเป็นคำเป็น
คำอธิบาย รูปแบบฉันทลักษณ์
๑. บทหนึ่งมี ๓
วรรคแรกมี ๖ คำ
วรรคที่ ๒ มี
๔ คำ และวรรคที่
๓ มี ๖ คำ รวมบทหนึ่งมี ๑๖ คำ
จึงเรียกว่ากาพย์ฉบัง ๑๖
๒ . สัมผัสดังนี้คำสุดท้ายของวรรคแรก สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่ ๒
ถ้าจะแต่งบทต่อไปต้องใช้คำสุดท้ายของบทต้น สัมผัสกับคำสุดท้ายวรรคแรกของบทต่อไป ซึ่งถือเป็นสัมผัสระหว่างบท
๓. คำสุดท้ายของบทห้ามใช้คำตายหรือคำที่มีรูปวรรณยุกต์และนิยมใช้เสียงวรรณยุกต์สามัญหรือจัตวา
๔. กาพย์ฉบัง
นิยมแต่งเกี่ยวกับตอนที่เป็นบทพรรณนาโวหารและนิยมแต่งเป็นบทสวดและบทพากย์โขน
คำอธิบาย รูปแบบฉันทลักษณ์
คณะ
กาพย์สุรางคนางค์ ๑ บท แบ่งออกเป็น ๗ วรรค
พยางค์
พยางค์หรือคำ แต่ละวรรคมี ๔ คำ รวมทั้งหมด ๗ วรรค มี ๒๘ คำ
จึงเรียกว่ากาพย์สุรางคนางค์ ๒๘
สัมผัส
๑. คำสุดท้ายของวรรคที่ ๑ สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่ ๒
๒. คำสุดท้ายของวรรคที่ ๓ สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่ ๕
๓. คำสุดท้ายของวรรคที่ ๔ สัมผัสกับคำที่ ๒ ของวรรคที่ ๕
๔. คำสุดท้ายของวรรคที่ ๕ สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่ ๖
ถ้าแต่งมากกว่า ๑ บท ต้องมีสัมผัสเชื่อมระหว่างบท คือ คำสุดท้ายของบทแรก
สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่ ๓ ของบทต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น