ศิลปะการประพันธ์
๑. ใช้ศัพท์ง่าย เหมาะสมกับวัยของเด็ก ส่วนศัพท์ยากที่ปะปนอยู่ก็สามารถเข้าใจจากบริบท เช่น
“มีไม้ไทรใหญ่ใบหนา เข้าไปไสยา
เวลาพอค่ำรำไร”
๑. ใช้ศัพท์ง่าย เหมาะสมกับวัยของเด็ก ส่วนศัพท์ยากที่ปะปนอยู่ก็สามารถเข้าใจจากบริบท เช่น
“มีไม้ไทรใหญ่ใบหนา เข้าไปไสยา
เวลาพอค่ำรำไร”
๒. มีลีลาในการเล่าเรื่องที่ต่อเนื่องกัน ทำให้ผู้อ่านเกิดจินตนาการ เช่น
“สมอก็เกาเสาใบ ทะลุปรุไป
น้ำไหลเข้าลำสำเภา”
๓. มีการสรรคำและใช้โวหาร ทำให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพที่ชัดเจน
- การสรรคำพรรณนาบรรยากาศและธรรมชาติยามค่ำคืน เช่น
“วันนั้นจันทร มีดารากร เป็นบริวาร
เห็นสิ้นดินฟ้า ในป่าท่าธาร มาลีคลี่บาน ใบก้านอรชร”
- การใช้ภาพพจน์เปรียบเทียบ (อุปมาโวหาร) เช่น
“ยูงทองร้องกะโต้งโห่งดัง เพียงฆ้องกลองระฆัง
แตรสังข์กังสดาลขานเสียง”
- การใช้คำเลียนเสียงธรรมชาติ (สัทพจน์โวหาร) เช่น
“ค้อนทองเสียงร้องป๋องเป๋ง เพลินฟังวังเวง
อีเก้งเริงร้องลองเชิง”
- การใช้คำที่สื่อให้เห็นกิริยาอาการที่ต่อเนื่อง เช่น
“เห็นกวางย่างเยื้องชำเลืองเดิน เหมือนอย่างนางเชิญ
พระแสงสำอางข้างเคียง”
๔. การเล่นสัมผัสใน ทั้งสัมผัสสระและสัมผัสพยัญชนะ เช่น
“ไกรกร่างยางยูงสูงระหง ตะลิงปลิงปริงประยงค์
คันทรงส่งกลิ่นฝิ่นฝาง”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น